Dileka

Dileka

    มีลักษณะเป็นท่อที่มีความยาวแตกต่างไป ขึ้นอยู่กับปริมาณของน้ำที่ผ่านเข้าไปบำบัด เมื่อน้ำผ่านเข้าไป จะไหลวนอยู่ภายในท่อหลายรอบ โดยเริ่มไหลแบบราบเรียบสม่ำเสมอจนกระทั่งไหลแบบหมุนวน ซึ่งกระบวนการที่กล่าวมานี้จะทำให้เกิดการยุบตัวของมวลน้ำ และสร้างฟองอากาศที่มีขนาดเล็กมากขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็จะรับเอาคลื่นอินฟาเรดที่ถูกผลิตโดยวัสดุเซรามิกชนิดพิเศษ ที่ติดตั้งอยู่ภายในเครื่อง คลื่นเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับคลื่นที่ผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ ผลที่ตามมาหลังจากที่น้ำมีการหมุนวน ร่วมกับการได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็คือน้ำจะปั่นอย่างุรนแรง และมีการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้า ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายก็คือน้ำที่มีสมบัติทางกายภาพแบบใหม่

  • ดิเลกะ ช่วยลดปริมาณการใช้ผงซักฟอกและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือน โรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนงานบริการต่าง ๆ ได้ถึงครึ่งหนึ่ง
  • ดิเลกะ จะทำงานต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อขจัดชั้นฟิล์มชีวภาพและลดกระบวนการย่อยสลายแบบใช้ออกซิเจน (กระบวนการออกซิเดชั่น) ในท่อน้ำ นอกจากนี้ยังช่วยลดการเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียลีเจียนเนลล่า (Legionella) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบ
  • ดิเลกะ อุปกรณ์กำเนิดไฟฟ้าจากอินฟราเรดและอิเล็กตรอนสำหรับน้ำ โดยเทคโนโลยีญี่ปุ่นที่ได้รับการพัฒนามากว่า 25 ปี
  • ดิเลกะ ช่วยลดการก่อตัวของหินปูนในผนังท่อหรือในเครื่องจักร
  • ดิเลกะ เป็นกุญแจสำคัญในการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
  • ดิเลกะ สำหรับสวน ไร่ นา จะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำ, ปุ๋ย, และผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาผลผลิตทางการเกษตรได้อย่างน้อย 20 %
  • ดิเลกะ ช่วยเพิ่มปัจจัยการขยายพันธุ์ผลผลิตอย่างเป็นธรรมชาติ

สรุปเทคโนโลยีดิเลกะ

วัตถุประสงค์ของเทคโนโลยีดิเลกะ คือการเปลี่ยนน้ำนิ่งธรรมดาให้กลายเป็นน้ำที่มีชีวิต มีพลังงาน โดยที่ได้รับการฟื้นฟูคุณสมบัติทางกายภาพทั้งหมดของน้ำนั้นกลับมา ได้แก่ มีความตึงผิวต่ำลง เพิ่มพลังการละลาย เพิ่มพลังต่อต้านการก่อสนิม เพิ่มการดูดซึมให้มากขึ้น (ทั้งในมนุษย์ พืช สัตว์) กระตุ้นหรือขัดขวางแบคทีเรียบางชนิด

เครื่องดิเลกะ (หรือท่อทามูระ ตามชื่อของผู้คิดค้น) เป็นท่อที่ประกอบด้วยโลหะ 2 ส่วนที่หุ้มปกป้องอุปกรณ์ภายในที่เป็นเซรามิก

น้ำที่ไหลผ่านชุดเซรามิกจะหมุนวนหลายครั้งและในขณะเดียวกันจะได้รับรังสีอินฟราเรดซึ่งผลิตจากชุดเซรามิก กระบวนการเหล่านี้จะทำให้เกิดประจุไฟฟ้าในน้ำมากกว่าปกติ 4 ถึง 5 เท่า อุปกรณ์ดิเลกะนี้ไม่ได้รับพลังอื่นใดเลยนอกเหนือจากรังสีจักรวาลที่ข้ามผ่าน โดยที่มีการต่อสายดินซึ่งทำให้เกิดการสร้างสนามแม่เหล็กที่เสถียร ส่งผลให้ดิเลกะทำงานคล้ายกับเครื่องควบแน่น โดยที่ประจุไฟฟ้าบวกจะถูกส่งออกและน้ำจะถูกอัดประจุอิเล็คตรอนลงไปจนเป็นลบ


ดังนั้นน้ำที่ผ่านมาจากกระบอกไดเลกก้าจะมีคุณสมบัติเหมือนกับน้ำบริสุทธิ์บนภูเขา โดยที่หลักการที่ถูกนำมาใช้ก็คือ 1) น้ำผ่านกลไกการทำให้ไหลเวียนหมุนวน 2) น้ำถูกอัดความอุดมสมบูรณ์เข้าไปโดยคลื่นอินฟราเรดหลายความยาวคลื่น และ 3) การที่เครื่องถูกต่อไว้กับสายดิน จึงทำให้ประจุอิเล็กตรอนในน้ำมีจำนวนค่อย ๆ มากขึ้น

น้ำที่มีใช้ในบ้านเรือน, เกษตรกรรม, หรือบริษัทนั้นมาจากแหล่งต่าง ๆ กัน อาจจะมาโดยตรงจากน้ำผิวดินซึ่งถือว่าเป็น 80% ของน้ำที่ใช้ในบริเวณเรือกสวนไร่นา หรืออาจมาจากโรงบำบัดน้ำซึ่งทำให้ค่าคุณภาพน้ำทั้งด้านชีวภาพและทางเคมีสะอาดอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด

โดยปกติน้ำที่อยู่ในท่อหรือในถังเก็บจะนิ่งหรือไหลแบบเอื่อยๆ ซึ่งเอื้อต่อการเกิดสนิมหรือแผ่นฟิล์มชีวภาพเคลือบผนังท่อได้ ผลที่ตามมาก็คือการเน่าเปื่อยผุพังของวัตถุภายในท่อ ดังนั้นเดเลก้าจึงถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้พลังงานกลับคืนแก่น้ำและทำให้น้ำมีการเคลื่อนไหว

ดิเลกะ เป็นท่อที่มีความยาวแตกต่างไปขึ้นอยู่กับปริมาณของน้ำที่ผ่านเข้าไปบำบัด เมื่อน้ำผ่านเข้าไป จะไหลวนอยู่ภายในท่อหลายรอบ โดยเริ่มไหลแบบราบเรียบสม่ำเสมอจนกระทั่งไหลแบบหมุนวน ในขณะเดียวกันก็จะรับเอาคลื่นอินฟาเรดที่ถูกผลิตโดยวัสดุเซรามิกชนิดพิเศษที่ติดตั้งอยู่ภายในเครื่อง ผลที่ตามมาหลังจากที่น้ำมีการหมุนวนร่วมกับการได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็คือน้ำจะปั่นอย่างุรนแรงและมีการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้า

โดยปกติแล้ว โมเลกุลน้ำเพียงโมเลกุลเดียวเท่านั้นที่จะทำปฏิกิริยาและแตกตัวเป็นไอออน (H2O กลายเป็นประจุบวก H+ 1 ตัวและประจุลบ OH- 1 ตัว) จากโมเลกุลน้ำ 10 ล้านตัวที่ยังคงสภาพเป็นกลางอยู่ หลังจากทำการทดลองกับดิเลกะ จำนวนประจุไฟฟ้าที่หมุนเวียนอยู่ในระบบเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า น้ำผ่านกลไกการทำให้ไหลเวียนหมุนวนและถูกอัดความอุดมสมบูรณ์เข้าไปโดยคลื่นอินฟราเรดหลายความยาวคลื่น (4 – 14 ไมครอน โดยรังสีอินฟราเรดนี้เป็นชนิดเดียวกับที่โลกปลดปล่อยออกมา) แล้วก็ผ่านกระบวนการทำให้เกิดประจุไฟฟ้า จนกลายสภาพเป็นน้ำที่มีความสามารถในการละลายสูง อย่างที่พบเห็นตัวอย่างได้จากการทำไร่หลายแห่ง

เมื่อน้ำนิ่งกลายเป็นน้ำไหล ก็จะส่งผ่านสิ่งต่างๆ ที่ถูกพัดไหลมา และสร้างสัมพันธ์กับวัตถุที่น้ำไหลผ่านได้ดียิ่งขึ้น น้ำจากภูเขานั้นจะถูกกวนจากสภาพการเคลื่อนไหวของแม่น้ำ ละได้รับคลื่นจากพระอาทิตย์และแก่งหินที่มันไหลผ่าน ผลก็คือน้ำที่มีประจุไอออนและพลังงานแสงที่ละลายอยู่ภายใน เมื่อดื่มจากแหล่งกำเนิดก็จะพบว่ามันอุดมไปด้วยอิเล็กตรอน

เครื่องดิเลกะยังมีคุณสมบัติพิเศษอีกข้อหนึ่งก็คือ อุปกรณ์นี้ไม่ได้ใช้ไฟฟ้า แต่ถูกเชื่อมต่อลงดินด้วยสายไฟฟ้า ซึ่งก่อให้เกิดความต่างศักย์ระหว่างน้ำข้างในกับอุปกรณ์โลหะข้างนอก วัดได้ประมาณ 100 mV (ดิเลกะรุ่น 1613) ถึง 2000 mV (ดิเลกะรุ่น 8065) ดังนั้น ดิเลกะจะทำหน้าที่เป็นคอนเดนเซอร์ และจะปล่อยไอออนบวกลงไปที่พื้นดิน และเนื่องมาจากแรงตึงผิวขนาดเล็กที่กระตุ้นวัสดุเซรามิกภายในอุปกรณ์ให้ผลิตรังสีอินฟราเรดและอิเล็กตรอนมากขึ้น จึงทำให้น้ำที่ผ่านออกจากเครื่องดิเลกะมีคุณสมบัติเหมือนกับน้ำจากแหล่งต้นน้ำ

ดังนั้น ดิเลกะจะทำหน้าที่เป็นคอนเดนเซอร์ และจะปล่อยส่วนของอิออนบวกลงไปที่พื้น จากความเครียดตึงขนาดจิ๋ว เซรามิคภายในอุปกรณ์จะถูกกระตุ้น และผลิตอินฟราเรดมากกว่า และยังผลิตอิเล็กตรอนมากกว่าด้วยดังนั้นน้ำดิเลกะที่อุดมด้วยอีเล็กตรอนจะยังคงคุณสมบัติที่ถูกลดลงไปเช่นเดียวกับน้ำที่ดื่มจากแหล่ง ดังนั้น น้ำดิเลกะก็เหมือนน้ำจากภูเขาส่งตรงถึงบ้านหรืออุตสาหกรรมหรือไร่สวน

โดยสรุป น้ำดิเลกะมีคุณสมบัติเหมือนน้ำที่มาจากภูเขาส่งตรงมายังบ้านเรือน เรือกสวนไร่นา ตลอดจนโรงงานอุตสาหกรรมของท่าน คุณสมบัติของน้ำจากดิเลกะจะเหมือนกับน้ำที่มีพลังงานตามธรรมชาติทุกประการ

1. คุณสมบัติการต่อต้านสนิม เนื่องจากอุดมไปด้วยอิเล็กตรอน จึงปกป้องท่อและเครื่องยนต์กลไกที่มันไหลผ่านไม่ให้เกิดการเกาะตัวของสนิม
2. ความตึงเครียดที่ผิวหน้าลดลง ทำให้ใช้ปริมาณผงซักฟอกและสบู่น้อยลงในการทำความสะอาด (พื้นวัตถุต่าง ๆ, รถ, คน)
3. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางกายภาพ (คลัสเตอร์และคอลลอยด์) ก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปร่างผลึกแคลเซียม ทำให้เกาะติดกับผนังท่อและเครื่องจักรน้อยกว่า
4. น้ำดิเลกะร้อนเร็วกว่า ทำให้ประหยัดต้นทุนและเวลาในการหุงต้มและบำรุงรักษาระบบได้อย่างน้อย 20%
5. พืชผักสามารถดูดซึมน้ำได้ดีกว่าปรกติ ทำให้ช่วยในเรื่องของการดูดซึมปุ๋ย นอกจากนี้ ยังเหมาะกับผู้ที่ดื่มเข้าไป จะถูกซึมซับเข้าสู่ผิวหนังได้อย่างดี
6. เป็นตัวกลางที่ป้องกันไม่ให้แบคทีเรียตัวร้ายเจริญเติบโต เช่นลีเจียนเนลล่าหรือโคลอน บาซิลลัส ในทางกลับกัน น้ำที่อุดมด้วยอินฟราเรดนี้ จะช่วยในการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อลำไส้ของผู้ดื่ม นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อรากของพืช อุตสาหกรรมอาหาร และการปกป้องสภาพแวดล้อม
7. น้ำดิเลกะมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพคนและสัตว์ เนื่องจากอย่างแรกคือคุณสมบัติในการละลายและดูดซึมสารอาหารเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ และอีกอย่างคือความสามารถที่จะขับเคลื่อนของเสียในร่างกายเพื่อการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี


ดังนั้น ดิเลกะจะเปลี่ยนคุณสมบัติทางกายภาพของน้ำ (ความตึงผิว การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ ความชื้น การซึมซับ โครงสร้างสารละลายในของเหลว เป็นต้น) โดยไม่กระทบต่อองค์ประกอบทางแร่ธาตุหรือสมดุลกรด-ด่างของน้ำ จากที่กล่าวมาข้างต้นก็เพียงพอแล้วที่แสดงให้เห็นว่า น้ำที่ผ่านอุปกรณ์ดิเลกะจะมีคุณสมบัติทั้งทางกายภาพ และชีวภาพที่พิเศษ และมีประโยชน์ต่อทั้งบริษัทและการค้าที่เกี่ยวข้องน้ำ (อุตสาหกรรม บริการ คนโดยทั่วไปดื่มน้ำอย่างน้อย 1.5 ลิตร ควรจะเปลี่ยนมาดื่มน้ำที่มีพลังงานมากกว่าน้ำธรรมดา โดยพิจารณาจากคุณสมบัติทางกายภาพของน้ำดิเลกะ แร่ธาตุ และความสะอาดปราศจากแบคทีเรีย

การทดสอบเครื่องดิเลกะ

อนุภาคขนาดเล็กมากๆ (ระดับนาโนเมตร) ปล่อยรังสีอินฟราเรดช่วงยาวสังเกตเห็นได้ในห้องปฏิบัติการผ่านความยาวคลื่นสเปกตรัมระหว่าง 4 และ 14 ไมครอน ซึ่งคล้ายคลึงกับอินฟราเรดที่โลกปลดปล่อยตามธรรมชาติ เมื่อติดตั้งดิเลกะเข้าสู่ระบบและปล่อยให้น้ำไหลผ่าน ดิเลกะจะทำหน้าที่เป็นคอนเดนเซอร์ที่ทำงานผ่านทางสายดินซึ่งเป็นเส้นทางส่งผ่านประจุบวกออกไป ค่าความต่างศักดิ์ระหว่างพื้นดินกับอุปกรณ์สามารถวัดได้ด้วยเครื่องโวลต์มิเตอร์ มีหน่วยเป็นมิลลิโวลต์ (ค่าอยู่ระหว่าง 100-2000 มิลลิโวลต์ขึ้นอยู่กับรุ่น) นอกจากนี้ ค่าความต่างศักดิ์ที่สูงขึ้นก็เนื่องมาจากจำนวนเซรามิคที่ถูกติดตั้งไว้มากขึ้นนั่นเอง

เซรามิคที่ใช้ในเดเลก้าเป็นสารประกอบเฉพาะที่เป็นการรวมตัวของแร่ 26 ชนิด กับพืช 12 ชนิด ที่ถูกลดรูปลงจนมีขนาดเล็กเป็นอนุภาคนาโน ยิ่งขนาดของอนุภาคที่ได้เล็กมากเท่าใด ประสิทธิภาพในการปลดปล่อยรังสีก็จะยิ่งมากขึ้นตามนั้น อิเล็กตรอนและรังสีอินฟาเรดที่ถูกปล่อยออกมาจะถูกดูดซึมโดยน้ำ โดยที่ไม่มีการสัมผัสกันโดยตรงระหว่างเซรามิคกับน้ำ หลังจากนั้น พลังงานที่ถูกเก็บกักไว้ในน้ำก็จะถูกส่งต่อไปบำบัดสิ่งที่น้ำไหลผ่าน เช่น ชั้นฟิล์มอินทรีย์ชีวภาพ, แบคทีเรีย เป็นต้น

กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดิเลกะเริ่มมาจากแนวคิดต้นฉบับที่ได้รับการทดสอบในตลาดญี่ปุ่นมาเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีอนุภาคเซรามิคระดับนาโนกับสถาปัตยกรรมภายในของอุปกรณ์ซึ่งได้รับการคุ้มครองตามสิทธิบัตรนานาชาติกว่า 10 ฉบับ นายคิคูโอะ ทามูระ สถาปนิกตั้งแต่ยุคบุกเบิกดิเลกะ มีส่วนร่วมในความสำเร็จของซุปเปอรคามิโอกะ คันเดะ ซึ่งทำให้ศาสตราจารย์โคชิบะ (รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ปี 2002) สามารถระบุและพิสูจน์การมีอยู่จริงของอนุภาคที่ไม่มีมวลและประจุไฟฟ้าที่เรียกว่านิวทริโน (neutrinos) โดยในการทดลองได้ติดตั้งอุปกรณ์ลงไปในอ่างเก็บน้ำใต้ดินที่มีน้ำบริสุทธิ์สูงและพบว่าเซ็นเซอร์สามารถตรวจจับนิวทริโน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำที่มีระดับความบริสุทธิ์และพลังงานสูงมากสามารถสื่อสารให้เรารู้ได้ถึงการมีอยู่ของอนุภาคนิวทริโนนำ จากนั้นอุปกรณ์ดิเลกะก็ได้ผลิตขึ้นโดยความร่วมมือกับ กลุ่มบริษัทโทเร (TORAY group เป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟเบอร์สังเคราะห์ชั้นนำของโลก) และกลุ่มบริษัทไอแน็กซ์ (INAX group) ซึ่งเป็นผู้นำในการผลิตอุปกรณ์และสุขภัณฑ์ห้องน้ำ